ผู้ป่วยชาย ชื่อ นายณฐพล อินทรักษา อายุ 32 ปี อาชีพ พนักงานบริษัท
พบแพทย์ 16 ม.ค. 54 ด้วยมีอาการปวดหลังร้าวลงขาข้างขวา 6 สัปดาห์ ก้มหลังไม่ได้ เดินลำบาก ได้รับการทำกายภาพบำบัด 2 สัปดาห์ และ กินยาแก้ปวด คลายกล้ามเนื้อ อาการไม่ดีขึ้น ปวดชาลงหลังเท้าข้างขวาตลอดเวลา
ปฏิเสธโรคประจำตัว ไม่แพ้ยา แต่สูบบุหรี่ และ กินเหล้าประจำ
ตรวจร่างกายพบ
SLRT[Stress Leg Rising Test] positive Rt side
Paresthesia at Rt L5 dermatome
วินิจฉัยโรค
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ( Lumbar disc herniation )
วิจารณ์
ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังร้าวลงขา จากการทำงานชัดเจน ตรวจร่างกายพบอาการกดทับของเส้นประสาทหลังข้อที่ 5 (พบมีอาการชาที่ L5 dermatome) ร่วมกับ SLRT positive ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของ การกดทับเส้นประสาทจาก หมอนรองกระดูก ที่คั่นอยู่ระหว่างกระดูกหลังข้อ 4 และ ข้อ 5 ( L4-5 disc herniation)
ผู้ป่วยรายนี้ได้รับการรักษาด้วยการกายภาพบำบัดมาแล้ว อาการไม่ดีขึ้น แพทย์แนะนำให้รับการผ่าตัด ผู้ป่วยต้องการรับการรักษาด้วยวิธีอื่นก่อนจึงได้มาขอรับการรักษาด้วยการฝังเข็ม
การรักษา
1 ให้หยุดบุหรี่ และ เหล้า เพื่อที่ร่างกายจะได้นำภูมิชีวิต มาใช้ในการบำบัดตนเอง มากกว่าล้างสารพิษจากพฤติกรรมที่ผิด
2 ให้วิตามินบำรุงประสาท , แคลเซียม และยาบำรุงข้อต่อ [ glucosamine ] โดยให้หยุดยาแก้ปวด และยาคลายกล้ามเนื้อที่ได้รับเพื่อประเมินผลการรักษาได้ถูกต้อง ว่าอาการดีขึ้นไม่ได้เกิดจากยา
3 ให้รับการทำการภาพบำบัด ด้วย การดึงหลัง อบความร้อนด้วยโคมอินฟราเรด แปะแผ่นกระตุ้นไฟฟ้า พร้อมๆ กับการฝังเข็ม วันเว้น วัน
– หลังจากรับการรักษาได้ 5 ครั้ง ผู้ป่วยอาการปวดร้าวลงขา ลดลง 50 % เดินได้ไกลขึ้น
– หลังจากรับการรักษาครบ 10 ครั้ง ผู้ป่วยไม่มีอาการร้าวลงขาแล้ว แต่ยังมีอาการชาหลังเท้า เวลาตื่นนอนตอนเช้า ประมาณ 5 นาที จากนั้นหายไป ได้แนะนำเรื่องเปลี่ยนฟูก ท่าทางการนอน ที่ถูกวิธี
นัดดูอาการ 2 สัปดาห์ อาการทุกอย่างหายเป็นปกติ ได้แนะนำให้งดการทำงานหนักไว้ก่อนจนครบ 3 เดือนซึ่งเป็นช่วงเวลาการพักฟื้นของกระดูก
ผู้ป่วยรายนี้เป็นตัวอย่างที่ดี ในการพบแพทย์หลังจากมีอาการไม่นาน และปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดในการรับการรักษา ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ทั้งการกิน การใช้ชีวิต การปรับท่าทาง รวมถึงมีวินัยในการเข้ามารับการรักษาตามนัด ทุกครั้ง แม้ว่าแต่ละครั้งของการบำบัดจะใช้เวลาค่อนข้างนาน คือครั้งละ ประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยลักษณะนี้มักมาพบแพทย์หลังจากมีอาการมานานหลายเดือน และมักต้องใช้เวลาในการรักษาประมาณ 20 ครั้ง และโอกาสประสบผลสำเร็จรักษาหาย มีประมาณ 80 %
ภาพของผู้ป่วย
ขอขอบคุณณฐพล อินทรักษา ที่อนุญาตให้เผยแพร่ประวัติการเจ็บป่วย และการรักษา ในwww.aaclinic.com นี้ เพื่อเป็นวิทยาทานสำหรับผู้สนใจและผู้ป่วยท่านอื่นๆ ต่อไป